เวทีประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส เอเปค เร่งสรุป FTA-Bangkok Goals เสนอผู้นำ
ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส เอเปค รีบสรุปเอกสาร Bangkok Goals-เขตการค้าเสรีเอเปค เสนอเวทีผู้นำ 18-19 พฤศจิกายนนี้
นายณัฐภาณุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ บอกว่า ที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค อย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 1
ได้เริ่มต้นปรึกษาเพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก
หรือ FTAAP ซึ่งหวังให้เป็นเขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในโลก
นับเป็นกลไกสำคัญที่จะกำจัดปัญหาทางการค้าระหว่างประเทศ และก็หนุนการเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานในกลุ่มสมาชิก
ในการประชุมในคราวนี้เป็นการตระเตรียมเสนอต่อเวทีระดับรัฐมนตรี เอเปค
ในวันที่ 17 พฤศจิกายน2565 ซึ่งจะมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
และก็นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานร่วมกัน
ดังนี้ เมื่อได้ข้อสรุปจากเวทีที่ประชุมรัฐมนตรีเอเปคก็จะเสนอต่อเวทีผู้นำเอเปคในวันที่ 18-19 พฤศจิกายน2565
ซึ่งทำให้การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสต้องปรึกษาเนื้อหา เพื่อนำไปสู่การเจรจาการลดภาษีระหว่างกลุ่มเอเปคเป็นรายสินค้าได้มากขึ้น จึงหวังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตหลายมิติ
เพื่อเพิ่มความสามารถสำหรับเพื่อการแข่งขันของไทยในระยะยาว
รายงานข่าวสารระบุว่าในระหว่างการประชุมรัฐมนตรี เอเปค
ได้มีการติดต่อประสานงานกันเป็นการด้านในของสมาชิกเอเปค เพื่อขอปรึกษาแบบทวิภาคี
โดยเบื้องต้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน2565 เวลา 17.30 น.นายจุรินทร์ จะปรึกษาทวิภาคีกับนายนิชิมุระ ยาสึโทชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและก็อุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับความร่วมแรงร่วมมือทางด้านการค้าและก็การลงทุน
และก็ในวันเดียวกันนายนิชิมุระ ยาสึโทชิ จะปรึกษากับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับความร่วมแรงร่วมมือการพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรมไทย
นอกจากนี้ สำหรับเพื่อการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
ช่วงวันที่ 15 พฤศจิกายน2565 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการประชุมสัปดาห์เอเปค ได้ปรึกษาความแจ่มแจ้งของการผลักดัน
ร่างเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และก็เศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bangkok Goals on BCG
และก็มีการปรึกษาร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค
ครั้งที่ 33 ร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ส่วนช่วงบ่ายจะเป็นการประชุมปรึกษาต่อเนื่อง
เน้นย้ำการปรึกษาขอคำแนะนำแผนเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ รวมถึงผลพวงที่เกิดขึ้น เพื่อรีบสรุปผลเพื่อเสนอต่อผู้นำเอเปค
ดังนี้ ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพจะเสนอให้ที่ประชุมเห็นดีเห็นชอบออกเป็นถ้อยแถลง
ซึ่งจะกำหนดเป้าหมายการทำงานของเอเปค สำหรับแผนงาน FTAAP เป็นแผนระยะ 4 ปี คือ ระหว่างปี 2566-2569 มี การรวบรวมหลักสำคัญที่สมาชิกเอเปคมีความสนใจร่วมกัน ทั้งยังด้านการค้าดั้งเดิม การค้าใหม่ และก็การฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังจากการเกิดวิกฤต ผ่านกลไกการแลกเปลี่ยนข้อมูล และก็แนวปฏิบัติที่ดีระหว่างสมาชิกเอเปค เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการจัดทำ FTAAP และก็มุ่งสู่เป้าหมายคำตอบสำคัญของ FTAAP เช่น
การขยายการค้าการลงทุนด้านในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก การลดอุปสรรคการค้าการลงทุนที่ไม่จำเป็น
การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสมาชิกเอเปค และก็การลดช่องว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างกัน
ดังนี้เพื่อมุ่งสู่การจัดทำ FTAAP ที่สามารถสนองตอบต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ทั้งยังทางด้านการค้า การลงทุน นวัตกรรม
การเข้าสู่สมัยดิจิทัล และก็การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่ง สมดุล ยั่งยืน และก็ครอบคลุม
เอเปค 2565 (APEC) กับการผลักดันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ไทยได้นำโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และก็เศรษฐกิจสีเขียว (BCG) มาเป็นแนวคิดหลักเพื่อขับเคลื่อนประเด็นที่จะส่งเสริมการเป็นเจ้าภาพการประชุม
เอเปค2565 และก็เวทีการประชุมคราวนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งเวทีที่ช่วยส่งเสริมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย
การเป็นเจ้าภาพจัดแจงประชุมเอเปคของไทย ระหว่างวันที่ 17-18 พฤศจิกายน2565
ภายใต้ประเด็นสำคัญ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” เพื่อเปิดกว้างสู่ทุกจังหวะทางด้านการค้าและก็การลงทุน การช่วยสนับสนุนการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคผ่านมุมมองใหม่ที่ได้เรียนรู้จากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อสร้างจังหวะทางเศรษฐกิจให้แก่ทุกภาคส่วนในสังคม
เชื่อมโยงในทุกมิติเพื่อฟื้นฟูการเดินทางระหว่างกันที่สะดวกและก็ปลอดภัย และก็เพิ่มความเชื่อมโยงทางดิจิทัล
และก็ส่งเสริมการเจริญเติบโตที่เน้นย้ำสร้างสมดุลในทุกด้านมากกว่าสร้างผลกำไร ผ่านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
การสร้างความมั่นคงและยั่งยืนทางอาหารและก็การเกษตรเพื่อการดำรงชีวิตที่ดีของประชาชน
ไทยได้นำโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และก็เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model หรือ BCG) มาเป็นแนวคิดหลักเพื่อขับเคลื่อนหลักสำคัญที่จะผลักดันการเป็นเจ้าภาพการประชุม เอเปคในคราวนี้
หนึ่งในหัวข้อสำคัญ ที่เข้ากับเทรนด์แห่งอนาคตอย่าง Keep The World ที่จะหยิบยกมาหารือ ในที่ประชุม APEC คือ ประเด็นการเปลี่ยนสภาพอากาศ ซึ่งนายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ APEC VISION
เกี่ยวกับเรื่องสำคัญที่จะเอามาพูดคุยเวที APEC สำหรับเพื่อการประชุม APEC
คือ หลักสำคัญที่เรียกว่า Bangkok Goal On BCG Economy
เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมสำหรับเพื่อการประชุมคราวนี้ 4 เป้าหมาย
1.การจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะผลักดันความเป็นกลางทางคาร์บอนของกลุ่มเอเปค
2.การค้าการลงทุน ที่จะส่งเสริมการลงทุนภาคสีเขียวในกลุ่มประเทศสมาชิกเอเปค
3.การจัดทรัพยากรที่ยั่งยืน และ รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งภาคประมง
4.การลดขยะ
นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดแจงก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ระบุว่า อาจจะมีปฏิญญา ออกมา เช่น
การผลักดันและส่งเสริมด้านเงินลงทุน เพื่อกำเนิด Action ด้านการถ่ายโอนเงินลงทุน เทคโนโลยี และก็ Capacity building ระหว่างกัน โดยคิดว่า
การมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนเป็นเรื่องสำคัญ การมีส่วนร่วมระหว่างรัฐและก็เอกชนอย่างสมดุล การออกแนวนโยบายที่สอดรับกันเพื่อรองรับการค้าระหว่างประเทศและก็การลงทุนร่วมกัน เพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม
ในกลุ่มประเทศเอเปค มีการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 60% ของโลก และก็มี 7 ประเทศ ที่เป็น Top10 สำหรับเพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก
ประมาณ 28,000 ล้านตันต่อปี ประเทศในกลุ่มนี้ จึงเป็นตัวนำสำคัญสำหรับเพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยเหตุว่าถ้าเกิดปล่อยไว้ต่อไป ย่อมเป็นผลเสียผลต่อภาพรวมของประเทศและก็ของโลก
ในหัวข้อสภาพแวดล้อมนอกจากนี้ยังได้ยกตัวอย่าง มาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับเพื่อการประชุมระดับโลกอาทิ
- ไม่ใช้กระดาษ
- วัสดุเป็นรีไซเคิลหมด หลีกเลี่ยงวัสดุที่เป็นซิงเกิล ยูส
- การขนส่งทั้งหมด ใช้รถ EV เหมือนในการประชุม COP26 ที่กลาสโกลว์ สก๊อตแลนด์
- ใช้ไฟเป็น LED ถ้าไม่เดินไปไฟจะปิดอัตโนมัติ
- ควบคุมอุณหภูมิ
- เรื่องขยะจากอาหาร บริโภคแบบไม่ให้เหลือ
- วัสดุต่างๆ ใช้กรอบเดียวกับ การประชุม Cop 26 ที่สกอตแลนด์ และ Cop 27 ที่อียิปต์
- การเดินทางเน้นที่จำเป็นจริงๆ พยายามให้การเดินทางอยู่ที่เดียวกันให้มากที่สุด
- ผู้จัดจะต้องไปซื้อคาร์บอนเครดิต ที่ปลดปล่อยไปจากการประชุม ที่ผ่านมาการจัดประชุมเอเปคป่าไม้ มีการปล่อยคาร์บอนฯ ไป 101 ตัน ไทยจึงต้องไปซื้อคาร์บอนเครดิตมาจากโครงการของ energy agency ด้วยราคาสูงพอสมควร
และ ในการประชุม Thailand climate action conference ที่ผ่านมา ก็ปล่อยคาร์บอนฯ ไป 180 ตัน ในการจัดงาน 2 วัน จึงต้องไปซื้อคาร์บอนเครดิตจากเทศบาลยโสธร ที่มีต้นทุนค่อนข้างสูง จึงซื้อในราคาเกินร้อย
และใน Twitter อย่างเป็นทางการของ การประชุม เอเปค2565 ระบุว่า โครงการ Care the Bear สำหรับวันแรกของการประชุมเอเปค 2565 ในวันแรกของการประชุมศูนย์สื่อมวลชน สามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอน CO2 ได้ถึง 7,482 กิโลกรัมของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบกับการปลูกต้นไม้ 831ต้น เลยทีเดียว